00-logo_ohlins_std_blue-tag_rgb.png
Öhlins
Knowledge Centre

00-RearSuspension.jpg
โช้คสำหรับรถจักรยานยนต์และสกูตเตอร์
เมื่อคุณติดตั้งระบบกันสะเทือนของ Öhlins คุณจะได้รับประสบการณ์ส่งตรงจากสนามแข่งระดับโลก ด้วยความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานกว่า 40 ปีของ Öhlins Öhlins ยังพร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบกันสะเทือนหลังประเภทต่างๆของ Öhlins ตั้งแต่สปริงไปจนถึงการทำงานในจังหวะยืด-ยุบตัวของโช้คหลัง ความยาวโช้ค รวมถึงวิธีการปรับแต่งและบำรุงรักษา เพื่อให้ระบบกันสะเทือน Öhlins ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ประเภทของโช้คหลัง Öhlins

ระบบกันสะเทือนหลังของ Öhlins ส่วนใหญ่นั้นเป็นโช้คแก๊สแรงดันสูงแบบท่อเดี่ยว (Monotube) ด้วยการออกแบบนี้ทำให้ของเหลวจะถูกเก็บไว้ภายใต้แรงดันจากแก๊สที่คั่นด้วยลูกสูบ
03.jpg
โช้คบางรุ่นจะเป็นแบบ “อิมัลชัน” (Emulsion) เป็นประเภทที่มีน้ำมันและแก๊สผสมกันภายในโช้ค
02.jpg
ในบางรุ่นอุปกรณ์ทุกอย่างจะติดตั้งภายในแกนโช้ค
010.jpg
หรือยึดโดยตรงที่ด้านบนของโช้ค
000.jpg
บางครั้งลูกสูบจะติดตั้งในกระปุกเก็บของเหลวภายนอกโดยเชื่อมต่อด้วยสายโฮส

ของเหลวจะได้รับแรงดันจากไนโตรเจนซึ่งจะป้องกันการเกิดโพรงอากาศ และทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่มีความนุ่มนวลขึ้น กระปุกของเหลวยังช่วยในการระบายความร้อนของของเหลว เพิ่มอายุการใช้งานและส่วนประกอบต่าง ๆ

โช้ค Öhlins ที่มีการปรับรีบาวด์ภายนอกยังมีการชดเชยอุณหภูมิในตัวอีกด้วย โดยเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นและของเหลวจะไหลได้ง่ายขึ้น การไหลจะถูกควบคุมตามสัดส่วนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
สปริงโช้ค Öhlins
04.jpg
A ระยะปกติของสปริง

B ระยะสปริงเมื่อติดตั้งในโช้คเมื่อโช้คยืดตัวเต็มที่

A - B = สปริงพรีโหลด

สปริงพรีโหลดคือค่าระยะที่แตกต่างของ A และ B

โช้ครถจักรยานยนต์และสกูตเตอร์ทุกรุ่นของ Öhlins จะมีสปริงพรีโหลดที่สามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ การปรับค่าสปริงพรีโหลดนั้นจะขยับระยะนั่งของสปริง ด้วยการลดหรือเพิ่มแรงต้านสปริง ซึ่งจะเป็นการยกหรือลดความสูงของท้ายรถจักรยานยนต์นั่นเอง

สปริงพรีโหลดเป็นการตั้งค่าพื้นฐานสำหรับฟังก์ชันระบบกันสะเทือน เนื่องจากหากตั้งค่าไม่ถูกต้อง การตั้งค่าอื่นๆ ทั้งหมดอาจไม่มีประสิทธิภาพได้
การตั้งค่าสปริง
โช้คประเภท STX
ระบบกันสะเทือนของ Öhlins ที่มีสเปคที่สูงขึ้นจะสามารถปรับทั้งคอมเพรสชั่นและรีบาวด์ได้ การปรับนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับประสิทธิภาพของโช้คให้เข้ากับสไตล์การขับขี่และสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
10.jpg
เมื่อของเหลวถูกบังคับผ่านวาล์วแบบเข็มที่อัตราการไหลต่ำและผ่านรูจำนวนมากในลูกสูบด้วยอัตราการไหลที่รวดเร็ว การไหลผ่านรูเหล่านี้จะถูกควบคุมด้วยแหวนเหล็กบาง (Shim) ที่มีความดันสูง เพื่อเปิดทางให้ของเหลว โดยวาล์วเข็มนี้สามารถปรับได้จากด้านนอกของโช้คเกือบทุกรุ่น

โดยการปรับแต่งขนาดของแหวนเสริมระยะ (เช่น จำนวนแหวน ความหนา เส้นผ่านศูนย์กลาง) จะเปลี่ยนลักษณะการรับแรงกระแทกได้ อย่างไรก็ตามการปรับแต่งนี้ควรทำโดยช่างเทคนิค Öhlins เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
การบีบอัดของโช้ค (STX)
การที่รถเคลื่อนที่จนทำให้เกิดการบีบอัดของระบบกันสะเทือน (คอมเพรสชั่น) ของเหลวจะไหลผ่านวาล์วแบบเข็ม (ทั้งวาล์วสำหรับบีบอัดและยืดตัว) ที่อยู่ภายในลูกสูบ และถ้าหากการเคลื่อนไหวในจังหวะบีบอัดมีความเร็วสูง แหวนเสริมระยะที่อยู่ด้านล่างของลูกสูบจะเปิดทางเพื่อให้ของเหลวมีอัตราการไหลที่ดีมากขึ้น และเมื่อของเหลวถูกแทนที่ด้วยลูกสูบ ก็จะถูกบังคับให้ไหลเข้าสู่กระปุกเก็บของเหลวภายนอกผ่านวาล์วบีบอัดที่แยกลูกสูบออกจากของเหลว ซึ่งบริเวณนั้นจะถูกแทนที่ด้วยแรงดันแก๊สที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
การยืดตัวของโช้ค (STX)
เมื่อระบบกันสะเทือนเกิดการยืดตัวหลังจากโดนบีบอัด (รีบาวด์) ของเหลวจะถูกแรงดันบังคับให้ไหลกลับไปที่เดิม ผ่านวาล์วกันกลับ และหากการเคลื่อนไหวของลูกสูบมีความเร็วสูง แหวนเสริมระยะที่อยู่ด้านบนสุดของลูกสูบ ก็จะเปิดเพื่อให้ของเหลวมีอัตราการไหลที่ดีขึ้นเช่นกัน
คอมเพรสชั่น (TTX)
ในโช้คประเภท TTX (แบบ Twin Tube) แทนที่จะบังคับให้ของเหลวไหลผ่านรูจำนวนมากในลูกสูบ ของเหลวจะไหลผ่านท่อที่สองด้านนอก ก่อนที่จะผ่านตัวปรับคอมเพรสชั่นและไหลต่อไปที่ส่วนบน (ความดันลบ) ของลูกสูบ
รีบาวด์ (TTX)
เมื่อเกิดการยืดตัวของเหลวจะไหลย้อนกลับผ่านตัวปรับรีบาวด์ และไหลกลับมาที่ท่อที่สองด้านนอก เพื่อเดินทางกลับมาที่ส่วนล่างของลูกสูบ ระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟองอากาศและให้การควบคุมการหน่วงที่แม่นยำมากขึ้นในทุกจังหวะ
การปรับคอมเพรสชั่นของโช้ค Öhlins
หากรถจักรยานยนต์ให้ความรู้สึกยวบ ไม่มั่นคง เนื่องจากการระยะห่างของตัวรถกับล้อมีมากเกินไป และมีสปริงที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ให้ปรับคอมเพรสชั่นสอง [2] คลิก ด้วยวิธีนี้จะช่วยเพิ่มการควบคุมล้อในระหว่างการเร่งความเร็วได้ดีขึ้น และยังช่วยป้องกันรถยกตัวและกดต่ำเร็วเกินไปอีกด้วย
ORIGINAL-IMAGE_-Compression-damping-TH.png
หากรถจักรยานยนต์ให้ความรู้สึกว่าสูงเกินไป ไม่เกาะถนน และรู้สึกกระด้างเมื่อรถเจอการกระแทกขนาดเล็กหรือขนาดกลางขณะที่เร่งรถ ให้ปรับค่าคอมเพรสชั่นสอง [2] คลิก ต่อมาลองขับขี่ดูแล้วปรับตั้งค่าให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของคุณเองได้

เมื่อความรู้สึกในการขับขี่ดีขึ้นแล้ว เราแนะนำให้เริ่มต้นใหม่และทำการตรวจสอบอีกครั้ง สังเกตปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่นยาง อุณหภูมิ ฯลฯ ทดสอบการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าควรทำการปรับแต่งเพิ่มเติมหรือไม่

> ตัวควบคุมคอมเพรสชั่นจะทำการควบคุมการดูดซับพลังงานเมื่อมีการบีบอัดโช้ค ดังนั้นมันจะทำหน้าที่คอยควบคุมว่าโช้คบีบอัดง่ายเพียงใดเมื่อล้อหลังมีแรงกระทำหรือกระแทก
21.jpeg
ตัวปรับแต่งแบบที่ 1

ปรับได้ด้วยการหมุนปุ่มด้านบนกระปุกเก็บของเหลวตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการหน่วง หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดการหน่วง
22.jpeg
ตัวปรับแต่งแบบที่ 2

ปรับได้โดยหมุนปุ่มด้านบนกระปุกเก็บของเหลวตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการหน่วง หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดการหน่วง
23.jpeg
ตัวปรับแต่งแบบที่ 3

ปรับได้โดยหมุนปุ่มด้านบนกระปุกเก็บของเหลว หมุนสกรูตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการหน่วง หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดการหน่วง
24.jpeg
ตัวปรับแต่งแบบที่ 4

ปรับได้โดยหมุนปุ่มด้านบนกระปุกเก็บของเหลว ความเร็วสูง: หมุนสกรูหกเหลี่ยม ความเร็วต่ำ: หมุนสกรูตรงกลางแบบเจาะรู


การรีเซ็ตตัวปรับแต่ง

1. หมุนตัวปรับแต่งตามเข็มนาฬิกาไปจนตำแหน่งปิด (ตำแหน่งศูนย์ [0])

2. หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเปิด และนับจำนวนคลิกจนกว่าจะถึงจำนวนคลิกที่แนะนำ ตรวจสอบข้อมูลการตั้งค่าในคู่มือการติดตั้งที่ให้มาพร้อมกับโช้ค
การปรับรีบาวด์ของโช้ค Öhlins
หากคุณรู้สึกพอใจกับการตั้งค่าของสปริง, พรีโหลดและความสูงของรถอยู่แล้ว แต่เมื่อเร่งความเร็วรถ กลับเกิดปัญหาความสูงรถต่ำลง หรือสูญเสียความนุ่มนวลและแรงฉุด ให้ปรับค่ารีบาวด์สอง [2] คลิก
ORIGINAL-IMAGE_Rebound-damping-TH.png
ปรับค่ารีบาวด์สอง [2] คลิก

หากรถมีอาการสั่นหรือโคลงเวลาเข้าโค้ง ให้ปรับค่ารีบาวด์จำนวนสอง [2] คลิก แล้วปรับทีละหนึ่ง [1] คลิก ต่อมาลองขับขี่ดูแล้วปรับเปลี่ยนเท่าที่จำเป็น หากต้องการตรวจสอบค่ารีบาวด์ดั้งเดิม สามารถดูคำแนะนำในคู่มือการติดตั้งโช้คได้

ตัวควบคุมรีบาวด์จะทำการควบคุมการดูดซับพลังงานเมื่อมีการยืดตัวของโช้ค และจะควบคุมความเร็วที่โช้คจะคืนตัวไปในระยะดั้งเดิมหลังจากที่โดนบีบอัด
25.jpeg
ตัวปรับความหน่วงการยืดตัว

หมุนล้อบนเพลาลูกสูบเหนือตัวยึด หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการหน่วง จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดความหน่วง


การรีเซ็ตตัวปรับ


หมุนตัวปรับตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่งปิดสนิท (ตำแหน่งศูนย์ [0]) จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเปิด และนับจำนวนคลิกจนกว่าจะถึงจำนวนคลิกที่แนะนำ
การปรับสปริงพรีโหลดของโช้ค Öhlins
050.jpg
#1 ตัวปรับแบบใช้เครื่องมือ

ใช้ประแจตัว C คลายน็อตล็อค (1A) ย้ายแท่นสปริงด้านล่าง (1B) ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มพรีโหลด หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดพรีโหลด
26.jpeg
#2 ตัวปรับไฮดรอลิก

หมุนปุ่มปรับไฮดรอลิกเพื่อตั้งค่าสปริงพรีโหลด หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มพรีโหลด และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดพรีโหลด
27.jpeg
#3 ตัวปรับไฮดรอลิกในตัว

หมุนสกรูหกเหลี่ยมบนตัวปรับไฮดรอลิกเพื่อตั้งค่าสปริงพรีโหลด หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มพรีโหลดหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดพรีโหลด
28.jpeg
#4 ตัวปรับ 3 ระดับด้วยเครื่องมือ

ใช้ประแจตัว C คลายน็อตล็อค หมุนวงแหวนปรับ มีสาม [3] ตำแหน่งให้ปรับ (A, B และ C)
29.jpeg
#5 ตัวปรับแบบใช้เครื่องมือ

ไขสกรูไนลอนที่ตัวปรับสปริงด้วยไขควง (5A) ใช้เครื่องมือ 03199-01 แล้วหมุนตัวปรับสปริงตามเข็มนาฬิกา เพื่อเพิ่มพรีโหลด (5B) หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดพรีโหลด
การปรับความยาวโช้คหลัง
โดยการปรับความยาวของโช้ค ทั้งรูปทรงคันบังคับและแรงยึด สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ปรับให้สั้นลง

โช้คที่สั้นจะทำให้รถจักรยานยนต์เตี้ยลง องศาของโช้คหน้าและค่าเทรลจะเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วค่าแรงยึดจะลดลง ส่งผลให้ค่า Anti-squat ลดลงตามไปด้วย การปรับความยาวของโช้คจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน

ปรับให้ยาวขึ้น

โช้คที่ยาวขึ้นส่งผลให้รถจักรยานยนต์สูงขึ้น องศาของโช้คหน้าและค่าเทรลจะลดลง ซึ่งโดยปกติแล้วค่าแรงยึดจะเพิ่มขึ้นตามค่า Anti-squat และอีกเช่นเคย การเปลี่ยนแปลงจุดศูนย์ถ่วงเล็กน้อย เป็นผลมาจากการเปลี่ยนความยาวของโช้ค

การปรับความยาว


แนะนำให้ถอดโช้คออกจากรถก่อนทำการปรับความยาว ใช้ประแจสองตัวจับน็อตตัวบนด้วยมือข้างหนึ่งแล้วคลายน็อตล็อคด้วยอีกอัน (น็อตตัวล่าง) หมุนตัวยึดไปตามความยาวที่ต้องการ แล้วขันน็อตล็อคอีกครั้ง (แรงขัน: 40 นิวตันเมตร) หนึ่ง [1] เทิร์นคือ 1 มม. ของความยาวโช้ค

กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้วัดความสูงของรถก่อนและหลังการปรับความยาว
30.jpeg
1. วางขาตั้งรถเพื่อให้ล้อทั้งสองข้างอยู่เหนือพื้นและระบบกันสะเทือนไม่มีแรงกระทำ
2. ทำเครื่องหมาย เช่น พันเทปบริเวณจุดเหนือเพลาล้อหลังทันที
3. วัดระยะจากจุดที่ทำเครื่องหมายไปยังจุดคงที่ เช่น เพลาล้อ (R1)
4. วัดระยะจากด้านล่างของแคลมป์สามตัวบนไปยังจุดคงที่ เช่น เพลาล้อหน้า (F1)
5. ตั้งรถจักรยานยนต์บนพื้นราบเพื่อให้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังเกิดการบีบอัดเล็กน้อย จากนั้นทำซ้ำขั้นตอนการวัด (R2 และ F2)
6. นั่งบนรถจักรยานยนต์ในท่าขี่ปกติ สวมใส่อุปกรณ์ขับขี่อย่างเหมาะสม ทำซ้ำขั้นตอนการวัด (R3 และ F3)
31.jpeg
แนวทางในการวัด
หากไม่มีคำแนะนำอื่น ๆ ในคู่มือการติดตั้ง ให้ทำตามข้อแนะนำด้านล่าง:

Free sag (r1-r2), (f1-f2)

หลัง 5-15 มม. หน้า 20-30 มม

ความสูงในการขับขี่ (r1-r3), (f1-f3)

หลัง 25-35 มม. หน้า 30-40 มม
การปรับและตั้งค่าที่แนะนำ
ความหน่วงการยืดตัวและการบีบอัด: ± 5 คลิกจากการตั้งค่าดั้งเดิม (พื้นฐาน)

ในการตั้งค่ารถจักรยานยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ให้เหมาะกับทุกประเภทของเส้นทางที่ต้องการ จำเป็นต้องปรับตั้งค่าโช้คหน้าและหลังไปพร้อมกัน และสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเสมอคือไม่มีการตั้งค่าใดที่จะสมบูรณ์แบบ 100% เพราะในทุกเส้นทางย่อมมีความแตกต่างเฉพาะตัวเสมอ

ในระหว่างขั้นตอนนี้ เราแนะนำให้จัดลำดับความสำคัญตามนี้: ความรู้สึกปลอดภัย ความมั่นคง และความนุ่มนวล การจัดลำดับแบบนี้จะทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง
การดูแลระบบกันสะเทือนหลัง
ผู้ขับขี่ควรนำโช้คเข้ารับการบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการ Öhlins อย่างเป็นทางการ ทุกๆ 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน) เพื่อให้มั่นใจว่าโช้คของคุณจะได้รับการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสม พร้อมป้องกันความเสี่ยงในการได้รับอะไหล่ปลอมและไม่มีคุณภาพ

นอกจากการตรวจสอบและบำรุงรักษาโช้คเป็นประจำแล้ว ยังควรตรวจสอบลมยางและเลือกใช้สปริงที่เหมาะสมกับน้ำหนักและสไตล์การใช้งานของผู้ขับขี่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ Öhlins ยังคงมอบประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม และหากมีความต้องการการบริการเพิ่มเติม สามารถติดต่อศูนย์บริการ Öhlins อย่างเป็นทางการ


การทำความสะอาด

ทำความสะอาดโช้คภายนอกด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ จากนั้นใช้เครื่องเป่าลมเพื่อขจัดสิ่งตกค้าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งสกปรกออกหมด

ยกยางกันกระแทกและทำความสะอาดบริเวณด้านล่าง และฉีดพ่นด้วยน้ำมันหลังการล้าง (WD40, CRC 5-56 หรือเทียบเท่า) เพื่อรักษาโช้คให้สะอาด จากนั้นใช้ผ้าเช็ดของเหลวส่วนเกินออก

ข้อควรระวัง! ระวังอย่าฉีดน้ำใส่ลูกบิดปรับและ/หรือลูกหมากโดยตรง
32.jpeg
การตรวจสอบ

1. ตรวจสอบลูกหมายว่ามีระยะห่างหรือแรงเสียดทานมากไปหรือไม่

2. ตรวจสอบการรั่วและความเสียหายของเพลาลูกสูบ

3. ตรวจสอบตัวโช้คเพื่อดูความเสียหายภายนอก

4. ตรวจสอบกระปุกของเหลวสำหรับความเสียหายภายนอกที่จะทำให้ลูกสูบลอยเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ

5. ตรวจสอบการสึกหรอของส่วนประกอบยาง

6. ตรวจสอบจุดยึดของโช้คกับรถ
โปรดระวังสินค้าเลียนแบบ!
socialshare012345678910111213.jpg